ทำไม ถึงต้องใช้ SSD ในเมื่อ HDD ธรรมดาก็ใช้ได้ และยังถูกกว่าด้วย
หลายคนยังมีอาการกลัว ไม่กล้าใช้ SSD เนื่องจากราคาแพง และดูเหมือนว่ามันจะอ่อนแอ เสียง่าย ซึ่งมักจะได้ยินมาแบบนั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว SSD มีโอกาสเสียน้อยกว่า HDD ทั่ว ๆ ไป เนื่องจาก SSD เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีส่วนใดเคลื่อนไหวเลย
และยังไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน และยังกินไฟน้อยกว่า HDD จึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องไฟเลี้ยงไม่เพียงพอ อย่างที่เจอกันใน
HDD ที่ต่อ RAID กันหลาย ๆ ลูก
โดยเฉพาะ เวลานำมาใช้กับ SmartDisk แล้วใช้งานเป็นแบบ Device ยิ่งทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในการทำ Master
เพราะเพียงแค่ Ghost แบบ Disk to Disk ลงใส่ SSD ก็นำไปต่อกับ Server ใช้งานได้ทันที ประสิทธิภาพของ SSD ก็
รองรับได้ถึง 40-50 เครื่องได้อย่าง สบาย ๆ
สำหรับราคาที่มองว่า แพง นั้น ถ้ามามองดูดี ๆ มันก็ไม่ได้แพงจนมากเกินไป ย้อนไปเมื่อสักปีที่แล้ว ในการทำระบบ Diskless
หรือ nohdd นั้น เฉพาะค่า Software ก็อยู่ประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อ 1 Client อันนี้ราคาค่า Software อย่างเดียว
ยังไม่รวมค่า H/W ที่นำมาประกอบเป็น Server สำหรับ 40 Client ผู้ที่จะทำ No Hdd จะต้องเตรียมงบอย่างน้อยก็
หกหลักโดยประมาณ สำหรับ ปัจจุบัน ราคา ก็จะอยู่ที่ประมาณ 800 - 1200 บาท ต่อ Client (ไม่ขอกล่าวถึงโปรแกรมแฮก
หรือแคร๊กมานะครับ) แต่สำหรับ SmartCafe นั้น ก็แค่ 4,999.- ได้ไม่จำกัด Client
ส่วนค่าติดตั้งก็อยู่ระหว่าง 5,000 จนถึงประมาณ 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวน Client และความยากง่าย
เปรียบเทียบ เอา ES.2 500GB มา RAID กัน 3 ลูก กับ SSD จำนวน 1 ลูก
3750 x 3 = 11,250 เทียบกับ SSD 160G Intel 15,790 รองรับเครื่องลูกข่าย 40 เครื่อง กับการลดค่า HDD
ลงไปถึง 1,200 x 40 ก็ประมาณ 48,000.- แค่นี้ก็ถือว่า คุ้มค่ามากแล้ว
ถ้าใช้ ES.2 3 ลูก ก็จำเป็นต้องใช้ Power Supply ที่รองรับ Watt ได้เยอะ ๆ หน่อย ก็ต้องเพิ่มเงินส่วนนี้ไป
จะต้องเพิ่มพัดลม ระบายความร้อน เพื่อไม่ให้ HDD ร้อน ก็ต้องเพิ่มเงินส่วนนี้เข้าไป
ค่าไฟที่จะตามมาในการใช้งาน HDD จำนวน 3 ตัว ก็ต้องเพิ่มเงินส่วนนี้เข้าไป คำนวณง่าย ๆ ว่า SSD กินไฟ 5Watt
HDD 3 ลูก กินไฟ 15Watt x 3 = 45 Watt ถ้าเิปิดตลอด 24 ชั่วโมง จะกินไฟต่างกัน 40Watt x 24 = 960 Watt.Hrs.
คิดว่าสัก 5 บาทต่อหน่วย ก็ต่างกัน 5 บาทต่อวัน ปีนึงก็ 1,500 บาท 3 ปี ก็ 4,500 บาท ก็ต่างกันเยอะนะ อิอิ
ส่วนประสิทธิภาพนั้น SSD 160GB ก็ยังได้ความเร็วที่นิ่ง และเสถียรกว่า ES.2 RAID กัน 3 ลูก และ Accesstime ที่น้อยกว่า
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเพิ่ง RAID ทำให้มีความนิ่งกว่า นั่นเอง หมดปัญหา RAID เสีย RAID พัง หรือ RAID แตก
อันนี้ก็เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่ง ในการตัดสินใจ ลองเอาไปคิดเล่น ๆ ดูครับ