Hadyai Internet R&D LAB
ผลงานของ Hadyai Internet R&D LAB => คุยกับทีมวิจัย => ข้อความที่เริ่มโดย: admin ที่ 09 มีนาคม 2012, 22:13:54
-
จะเปิดหัวข้อนี้ไว้ สำหรับ ปูพื้นฐาน ผู้ที่จะเข้าอบรม ก่อนที่จะเข้าอบรม
เนื่องจาก เนื้อหาในการอบรมอาจจะยาก ดังนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐาน Ubuntu อยู่บ้างพอสมควร
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐาน ให้ติดตามหัวข้อนี้ไว้ จะนำความรู้พื้นฐานการใช้คำสั่ง ต่าง ๆ มาทบทวนให้ก่อนเข้าอบรม
ก่อนอื่น ให้ทำการ download และติดตั้งโปรแกรม VBOX ไว้ก่อนนะครับ
โดยสามารถ download ได้ที่
http://download.virtualbox.org/virtualbox/4.1.8/VirtualBox-4.1.8-75467-Win.exe
เตรียมไว้ก่อนนะครับ
-
โหลดมาแล้ว ก็ทำการติดตั้งเลยครับ โดยใช้วิธี Next , Next ๆๆๆ จนเรียบร้อย
ก็จะได้ icon โปรแกรม Oracle VM VirtualBox เปิดโปรแกรมขึ้นมา แล้วก็ทำการสร้าง
New Virtual Machine ขึ้นมา ชื่อ SmartCafe2012 โดย OS เป็น Ubuntu 64 bit
(http://www.hadyaiinternet.com/images/vbox1.jpg)
ตั้งแรมสัก 1G ที่เหลือก็ Next ๆ ๆ ๆ ไป จนได้ Virtual Machine ขึ้นมา
(http://www.hadyaiinternet.com/images/sc2012vm.jpg)
-
หลังจากนั้น ทำการติดตั้ง SmartCafe 2012 เตรียมไว้เลยครับ
เด๋วจะมีแบบฝึกหัด บทต่อๆไป มาให้ศึกษากันก่อนเข้าอบรม
-
:) :) :) :) :) :)
-
สำหรับแบบฝึกหัดแรก ที่ให้ไปคิดเป็นการบ้านกัน
ให้ทำการตรวจเช็คส่วนประกอบของ Server โดยใช้คำสั่ง Linux เบื้องต้น (โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่อง)
1. Server ใช้ M/B รุ่นอะไร
2. Server ใช้ CPU รุ่นอะไร ความเร็วเท่าไหร่ ขนาดกี่ Core
3. Server มี slot สำหรับใส่แรมกี่ช่อง และมีแรมใส่อยู่กี่ช่อง ขนาดแผงละเท่าไหร่
4. Server มี HDD ทั้งหมดกี่ลูก ขนาดเท่าไหร่ ยี่ห้ออะไร S/N อะไรบ้าง
5. Server มี LAN ทั้งหมดกี่ช่อง ใช้ driver อะไร MAC อะไร
ลองศึกษาค้นคว้ากันนะครับ วันศุกร์จะมาแนะแนวทางให้ครับ
-
ยายแฮะ ขนาดทำมาตั้งนาน ยังไม่รู้เลย
-
การบ้านโหด ยากเกิน ;D ;D ;D
-
ถ้าตานัทกับพี่ระยังบอกยาก คนอื่นนี่เหนื่อยแน่ๆ ;D
-
หลังจากนั้น ทำการติดตั้ง SmartCafe 2012 เตรียมไว้เลยครับ
เด๋วจะมีแบบฝึกหัด บทต่อๆไป มาให้ศึกษากันก่อนเข้าอบรม
สำหรับผม ยากตั้งแต่ตรงนี้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะติดตั้งยังไง ตอนนี้ลง Oracle VM VirtualBox ไว้ล่ะ แต่พอจะบูต VM VirtualBox ที่เซ็ตไว้ขึ้นมา มันบอกว่า no bootable found ซะงั้น
-
ไม่ยากหรอก
ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละนิด ก่อนเข้าอบรม เวลาอบรมจริง จะได้ไม่งง และเข้าใจได้มากขึ้น
ก่อนอบรมต้องเตรียมตัวกันหน่อย ไม่งั้นเด๋วเข้าอบรมแล้วจะงง ตั้งหลักกันไม่ทัน
-
ไม่ยากหรอก
ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละนิด ก่อนเข้าอบรม เวลาอบรมจริง จะได้ไม่งง และเข้าใจได้มากขึ้น
ก่อนอบรมต้องเตรียมตัวกันหน่อย ไม่งั้นเด๋วเข้าอบรมแล้วจะงง ตั้งหลักกันไม่ทัน
งั้นขอถามเลยละกันครับว่า ทำการติดตั้ง SmartCafe 2012 ใน Virtual Box ยังไงครับ แล้วจะเอาไฟล์ติดตั้งมาจากไหน ??? ???
-
ลง virtualBox แล้วคะ ผ่านฉลุย แต่ไม่มีไฟล์ SmartCafe2012 :P ถ้าไปเรียนจะมีแจกหรือเปล่าคะ
-
ตารางการอบรมเคร่า ๆ นะครับ จะประกอบด้วย 2 วัน วันละ 6 ชม
วันแรก
9.00 - 12.00
- พื้นฐาน Ubuntu / Network
- เตรียมอุปกรณ์ก่อนติดตั้ง / ออกแบบ Network
- ทำการติดตั้ง
- คำสั่งการใช้งาน ตรวจสอบ เบื้องต้น
12.00 - 13.00
-พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 16.00
- การคอนฟิก MultiWAN เบื้องต้น
- การคอนฟิก SmartDisk เบื้องต้น
- การติดตั้ง Windows XP สำหรับ SmartDisk เบื้องต้น
- การติดตั้ง Windows 7 สำหรับ SmartDisk เบื้องต้น
16.00 - 17.00
- ทบทวนประจำวัน
*หมายเหตุ 10.00-11.00 และ 14.00-15.00
- พักเบรค
วันที่สอง
9.00 - 12.00
- การปรับแต่ง MultiWAN ขั้นสูง
- การปรับแต่ง Windows script
- การติดตั้งขั้นสูง (RAID / Upload Image)
- การปรับแต่ง Windows ในกรณีหลายสเปค
12.00 - 13.00
-พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 15.00
หัวข้อพิเศษ
15.00 - 17.00
ทดสอบภาคปฏิบัติ สำหรับ ตัวแทน
*หมายเหตุ 10.00-11.00 และ 14.00-15.00
- พักเบรค
ระหว่างก่อนการอบรม จะนำเนื้อหาส่วนของ พื้นฐาน Ubuntu มาให้ศึกษากันก่อนนะครับ ผ่าน Virtual Box
วันนี้จะเริ่มติดตั้ง Ubuntu ลง Virtual Box นะครับ
-
การติดตั้ง SmartCafe 2012 ลงบน Virtual Box ทำได้ 2 แบบคือ
1. ติดตั้งโดยใช้แผ่น DVD
(http://www.hadyaiinternet.com/images/vmdvd1.jpg)
- ทำการ Click ที่ปุ่ม Setting
- เลือก Storage
- เลือก CD-ROM
- เลือก Host Drive D: (เลือก Drive ที่เป็น DVD Drive)
ทำการใส่แผ่น SmartCafe 2012 ลงไป แล้วรัน Virtual Machine ที่สร้างไว้ ก็สามารถติดตั้งได้
(http://www.hadyaiinternet.com/images/vmdvd2.jpg)
2. ติดตั้งโดยไฟล์ IMAGE DVD (custom.iso)
(http://www.hadyaiinternet.com/images/vmiso1.jpg)
- ทำการ Click ที่ปุ่ม Setting
- เลือก Storage
- เลือก CD-ROM
- เลือก Choose a virtual CD/DVD disk file ...
- เลือกไฟล์ custom.iso
ก็จะได้
(http://www.hadyaiinternet.com/images/vmiso2.jpg)
ก็สามารถรัน Virtual Machine แล้วติดตั้งได้เหมือนมี DVD
-
สำหรับคำถามที่ได้ถามเอาไว้ อันนี้ใช้กับ Vitual Box อาจจะไม่ได้ ต้องลองกับ Server ที่ใช้งานอยู่จริง
ทั้ง 5 คำถามนี้ สามารถตอบได้ โดยใช้คำสั่งพื้นฐานของ Linux คำสั่งเดียว คือ lshw
1. Server ใช้ M/B รุ่นไหน ก็สามารถใช้คำสั่ง
root@bdc:~# lshw -c system
ิbdc
description: System
product: S3420GPV
vendor: Intel Corporation
version: ..........
serial: System Serial Number
width: 64 bits
capabilities: smbios-2.5 dmi-2.5 vsyscall64 vsyscall32
configuration: administrator_password=disabled boot=normal chassis=server frontpanel_password=disabled keyboard_password=disabled power-on_password=disabled uuid=9AE25258-44B6-11E0-B740-001E6703E7E4
ก็จะทราบได้ว่า เป็น M/B รุ่น S3420GPV ยี่ห้อ Intel เป็นต้น
2. Server ใช้ CPU รุ่นอะไร ความเร็วเท่าไหร่ ขนาดกี่ Core
อันนี้สามารถดูได้จาก Webmin , phpsysinfo หรือ sysmon ก็ได้ หรือจะใช้คำสั่ง lshw -c cpu ก็ได้เช่นกัน
3. Server มี slot สำหรับใส่แรมกี่ช่อง และมีแรมใส่อยู่กี่ช่อง ขนาดแผงละเท่าไหร่
สำหรับอันนี้ ให้ใช้คำสั่ง lshw -c memory
root@bdc:~# lshw -c memory
*-firmware
description: BIOS
vendor: Intel Corp.
physical id: 1
version: S3420GP.86B.01.00.0046.092920101143 (09/29/2010)
size: 64KiB
capacity: 8128KiB
capabilities: pci pnp upgrade shadowing cdboot bootselect edd int13floppy2880 int5printscreen int9keyboard int14serial int10video acpi usb ls120boot zipboot netboot
*-memory
description: System Memory
physical id: 29
slot: System board or motherboard
size: 4GiB
*-bank:0
description: DIMM Synchronous 1333 MHz (0.8 ns) [empty]
product: NO DIMM
vendor: NO DIMM
physical id: 0
serial: NO DIMM
slot: DIMM_A1
clock: 1333MHz (0.8ns)
*-bank:1
description: DIMM Synchronous 1333 MHz (0.8 ns)
product: 9965472-006.A00LF
vendor: 0x0198
physical id: 1
serial: 0x5208E523
slot: DIMM_A2
size: 2GiB
width: 64 bits
clock: 1333MHz (0.8ns)
*-bank:2
description: DIMM Synchronous 1333 MHz (0.8 ns) [empty]
product: NO DIMM
vendor: NO DIMM
physical id: 2
serial: NO DIMM
slot: DIMM_B1
clock: 1333MHz (0.8ns)
*-bank:3
description: DIMM Synchronous 1333 MHz (0.8 ns)
product: 9965472-006.A00LF
vendor: 0x0198
physical id: 3
serial: 0x6E09C704
slot: DIMM_B2
size: 2GiB
width: 64 bits
clock: 1333MHz (0.8ns)
....
จากตัวอย่างก็จะเห็นได้ว่า Server ตัวนี้มี 4 Bank (bank0 - bank3) นั่นก็หมายถึง RAM จำนวน 4 Slot
bank0 , bank2 จะเป็น empty แสดงว่าไม่ได้ใส่แรม bank1 , bank3 ใส่แรมขนาด 2GB รวมทั้งหมดเป็น 4GB
4. Server มี HDD ทั้งหมดกี่ลูก ขนาดเท่าไหร่ ยี่ห้ออะไร S/N อะไรบ้าง
ลองใช้คำสั่งเป็น lshw -c disk แล้วศึกษาผลลัพธ์ ดูนะครับ
5. Server มี LAN ทั้งหมดกี่ช่อง ใช้ driver อะไร MAC อะไร
อันนี้ก็เช่นเดียวกัน ใช้คำสั่ง lshw -c network
การตรวจสอบอุปกรณ์เบื้องต้น ก็จะสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อตรวจเช็คปัญหาได้ ว่าน่าจะเกิดจากอุปกรณ์ตัวไหน
-
เป็นไงบ้างครับ ทำกันได้ไหม
ทำได้ ทำไม่ได้ตรงไหน แจ้งเข้ามาได้ครับ
จะได้ไปคำสั่งต่อไปพร้อม ๆ กัน
-
กำลังจะลองทำแล้วครับ แต่เง้อ ผมไม่มีทั้งแผ่น DVD และ ISO ของ Smartcafe2012
-
กำลังจะลองทำแล้วครับ แต่เง้อ ผมไม่มีทั้งแผ่น DVD และ ISO ของ Smartcafe2012
โอนเงินค่าอบมเด่วผมส่ง link ให้ ดาวโหลดเลยครับ
-
กำลังจะลองทำแล้วครับ แต่เง้อ ผมไม่มีทั้งแผ่น DVD และ ISO ของ Smartcafe2012
โอนเงินค่าอบมเด่วผมส่ง link ให้ ดาวโหลดเลยครับ
โอเช กระจ่างแจ้งกับคำชี้แจงครับ ;D
เด่วขอไปเก็บตังค์ค่า ชม. ที่ร้านก่อน แล้วเอามาโอนให้อาทิตย์หน้าครับ ช่วงนี้ต่อให้ผู้เข้าอบรมท่านอื่นก่อนสัก 2 เสาไฟ เด่วจะไล่กวดตามไปอาทิตย์หน้าครับ
-
งั้นมาต่อกันนะครับ
สำหรับ SmartCafe 2012 แล้ว เราจะนำมาใช้เป็น MultiWan และ SmartDisk ดังนั้นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ
ต่อระบบ ก็จะมี 2 ส่วนด้วยกันคือ 1. LAN Card 2. HDD
สิ่งแรกที่เราต้องทราบ หลังจากติดตั้ง OS เสร็จแล้ว ก็คือ ต้องจัดลำดับ LAN และ ลำดับ HDD ให้ตรงตามที่ได้ออกแบบไว้
ถ้าเรามี LAN Card 4 ใบ แสดงว่า Ubuntu จะมองเห็นเป็น eth0 , eth1 , eth2 , eth3
ถ้าเรามี HDD 3 ลูก แสดงว่า Ubuntu จะมองเห็นเป็น /dev/sda , /dev/sdb , /dev/sdc
เราจะมีวิธีการตรวจเช็คอย่างไร ว่า LAN Card ใบไหน เป็น eth ลำดับที่เท่าไหร่
และเราจะทราบได้อย่างไร ว่า HDD ตัวไหน เป็นลำดับ sda , sdb หรือ sdc
สามารถตรวจสอบหรือตรวจเช็คได้อย่างไร ????
-
สู้ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
-
กำลังจะลองทำแล้วครับ แต่เง้อ ผมไม่มีทั้งแผ่น DVD และ ISO ของ Smartcafe2012
โอนเงินค่าอบมเด่วผมส่ง link ให้ ดาวโหลดเลยครับ
ส่ง ลิ้งให้ผมด้วยครับพี่ป้อ
-
ห่างหายไปนาน ภาระกิจ เยอะไปหน่อย งั้นวันนี้ ก็มาปูพื้นฐานกันอีกนิด
วันนี้จะเป็นความรู้เรื่อง IP / SUBNET / GATEWAY / DNS / PROTOCOL / PORT
เอาแบบความรู้พื้นฐาน ง่ายๆ ไม่ต้องละเอียดมาก ถึงขั้นไปสอบ เซอร์ ต่าง ๆ
IP หรือ IP Address ก็เปรียบเสมือน บ้านเลขที่ประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ถ้าเทียบกับมือถือ ก็เปรียบเสมือน เบอร์โทร ประจำเครื่อง ไว้สำหรับ อ้างอิง โทรเข้า รับสาย
IP Address ที่ใช้กันก็จะเป็น IP v4 หรือ version 4 จะไม่พูดถึง v6 หรือ version 6 นะครับ เอาง่ายๆกันก่อน
IP Address เขียนแทนเป็นเลข 4 ตัว เลข 0 ถึง 255 คั่นด้วยจุด เช่น 192.168.200.1 เป็นต้น
IP Address จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ (จริงๆ ก็มีมากกว่า 2 แบบ แต่เอาแบบง่าย ๆ)
1. IP จริง และ 2. IP ปลอม
IP ปลอมคือ IP ที่ไม่สามารถอ้างอิงในระบบ Internet ได้ ใช้ได้เฉพาะ Local Net
ดังนั้น IP จริง ก็คือ ตรงกันข้ามกับ IP ปลอม นั่นเอง
IP ปลอม แบ่งออกเป็น 3 ชุด ได้แก่
-192.168.0.0 - 192.168.255.255
-172.16.0.0 - 172.31.255.255
-10.0.0.0 - 10.255.255.255
แล้ว IP จริงละ ได้แก่ IP อะไรบ้าง
ก็ตอบได้ง่าย ๆ ก็คือ IP ที่ไม่ใช่ IP ปลอมนั่นเอง ;D ;D (แต่จะมีบาง IP ที่เป็นกลุ่มพิเศษ)
ถ้าเปรียบ IP จริง และ IP ปลอม เป็นเหมือน เบอร์โทรศัพท์ ก็เปรียบได้ว่า
IP ปลอม ก็คือ เบอร์โทรภายใน ที่สามารถใช้โทรติดต่อกันเฉพาะในสำนักงานเท่านั้น โทรออกข้างนอกไม่ได้
IP จริง ก็คือ เบอร์โทรที่สามารถ โทรออกภายนอกได้ นั่นเอง
เอาง่าย ๆ แค่นี้ ก่อน เด๋วมาต่อกัน
-
ทำความเข้าใจเรื่อง IP กันไปแล้ว ต่อไปมาทำความเข้าใจกับ SUBNET หรือบางทีก็เรียกว่า NETMASK
มันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ มีไว้ทำไม?
มีไว้เพื่อบ่งบอก ขนาดของกลุ่ม IP Address เช่น ต้องการระบุ IP ตั้งแต่ 192.168.0.0 ถึง 192.168.0.255
ก็สามารถเขียนได้ว่า 192.168.0.1/255.255.255.0 หรือ 192.168.0.1/24 เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า SUBNET หรือ NETMASK สามารถเขียนได้ 2 รูปแบบ คือ
1. รูปแบบเดียวกับ IP Address (จะใช้ในกรณีใช้กรอกในคอมพิวเตอร์)
2. รูปแบบ / แล้วตามด้วยตัวเลข 0-32 (จะใ้ช้ในกรณีเขียนบันทึกย่อสั้น ๆ)
SUBNET MASK ที่มักจะเจอบ่อย ๆ ได้แก่
/8 หรือ 255.0.0.0
/16 หรือ 255.255.0.0
/24 หรือ 255.255.255.0
มักจะเจอในกรณีการเขียน markrules ระบุ กลุ่มของ IP Address เป็นต้น
และบางกรณีจะเจอ
/30 หรือ 255.255.255.252 อาจจะเจอในกรณีติดตั้งอินเตอร์เน็ตแบบ ลีดไลน์
/29 หรือ 255.255.255.248 อาจจะเจอในกรณีขอติดตั้งอินเตอร์เน็ตแบบ Fix 8 IP
/23 หรือ 255.255.254.0 อาจจะเจอในกรณีที่เครือข่ายมีเครื่องมากกว่า 250 เครื่อง
เป็นต้น
คำถามง่ายๆ สักคำถาม
ถามว่า ร้านของท่าน ใช้ SUBNET MASK อันไหน ?
-
ต่อไป GATEWAY หรือง่ายๆ ก็คือ ทางออกอินเตอร์เน็ต
GATEWAY ก็คือ หมายเลข IP Address ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ที่สามารถออกอินเตอร์เน็ตได้
แปลง่าย ๆ ก็คือ IP Address ของ MultiWAN Server ที่ใช้ต่อ Internet
หรือถ้าไม่มี Server ก็คือ IP Address ของ Router ที่ใช้ต่อ Internet
นั่นเอง
-
อ่านเฉยๆก็ได้ความรู้มากมายแล้วกระทู้นี้
-
มาต่อกันนะครับ เด๋วจะได้ไป พื้นฐานคำสั่ง ubuntu กันต่อ
DNS หรือ Domain Name Service / Domain Name Server
อาจจะได้ยินกันบ่อยๆ บางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าคืออะไร กันแน่
DNS ก็คือ เลข IP Address ที่ทำหน้าที่ แปลชื่อ hostname เป็น IP Address เพื่อใช้ในการติดต่อ
เช่น ถ้าบอกว่า เข้าเวป google ได้ที่ IP Address
74.125.236.81,74.125.236.82,74.125.236.83,74.125.236.176,74.125.236.177,74.125.236.178,....และอีกหลาย IP
ก็คงจะมึนๆ งงๆ กันไป
แต่ถ้าบอกว่า เข้าเวป google ที่ www.google.com ก็ดูจะสะดวกและง่ายกว่ากันเยอะ
DNS ก็คือ ตัว IP Address ที่ทำหน้าที่แปลงจาก www.google.com เป็นเลข IP ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง
คำถามก็คือ แล้ว IP Address ของ DNS ที่จะใช้ได้นั้น เอามาจากไหน
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันใช้ได้หรือใ้ช้ไม่ได้ หรือใช้แล้วดี ไม่ดีอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว Router ที่ใช้ต่อเน็ต จะสามารถทำหน้าที่เป็น DNS ได้ โดยการรับ DNS อัตโนมัติจาก ISP ที่เราใช้งานอยู่
เราก็สามารถใช้ IP Address ของ Router มาเป็น IP Address DNS ได้
แต่ถ้าเราใช้ Server เป็นตัวต่อเน็ต ในตัว Server ก็จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า bind9 หรือ dnsmasq ทำหน้าที่เป็น DNS
เราก็สามารถใช้ IP Address ของ Server มาเป็น IP Address DNS ได้
-
ต่อไปก็ protocol อาจจะไม่ค่อยคุ้นกะคำ ๆ นี้
แต่ถ้าบอกว่า HTTP / HTTPS / FTP ก็น่าจะพอคุ้น ๆ กันบ้าง
แล้วมันคืออะไร มันก็คือรูปแบบ ในการติดต่อสื่อสาร ถ้าอธิบายง่าย ๆ ก็อาจจะเหมือนกับ ภาษา นั่นเอง
ในการติดต่อสื่อสาร ก็จะต้องใช้ protocol เดียวกัน หรือง่ายๆ คือใช้ภาษาเดียวกัน เช่น ถ้าเค้าพูดอังกฤษมา
ก็ต้องตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเค้าพูดภาษาไทยมา ก็ต้องตอบกลับเป็นภาษาไทย ก็จะทำให้การสื่อสาร
เข้าใจกันได้ ดังนั้น ถ้า protocol หรือ ภาษาที่ใช้ ไม่เหมือนกัน ก็จะทำให้การสื่อสารเป็นไปไม่ได้ หรือติดต่อสื่อสาร
กันไม่รู้เรื่อง
-
สุดท้ายเรื่อง Port
Port ถ้าแปล ตรงตัว ก็คือ ท่าเรือ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคอมพิวเตอร์ มองง่าย ๆ ว่า คอมพิวเตอร์ ก็เหมือนห้องแถว ตึกนึง มีห้องหลายๆ ห้อง
ห้อง web , ห้อง ftp , ห้อง mail , ห้อง ssh รวมกันอยู่ในตึก แต่ละห้อง ก็มีประตูทางเข้า โดยมีหลายเลข
ประจำประตูอยู่ เช่น ห้อง web ประตูเบอร์ 80, ห้อง ftp ประตูเบอร์ 21,ห้อง mail ประตูเบอร์ 25
ดังนั้น ในการติดต่อ ต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องเข้าประตูให้มันตรงตามที่เค้าระบุไว้
นั่นแหละครับ ก็คือ ความหมายของ port
-
ลองแล้ว มันบอกว่า no bootable found ซะงั้น
แล้วก็ขึ้น
VT-x/AMD-V hardware acceleration has been enabled, but is not operational. Your 64-bit guest will fail to detect a 64-bit CPU and will not be able to boot.
Please ensure that you have enabled VT-x/AMD-V properly in the BIOS of your host computer.
พอ continiue
This kernel requires an x86-64 CPU, but only detect i686 cpu
cpu i5-2500k
image เป็น smartcafe 10
-
ลองแล้ว มันบอกว่า no bootable found ซะงั้น
แล้วก็ขึ้น
VT-x/AMD-V hardware acceleration has been enabled, but is not operational. Your 64-bit guest will fail to detect a 64-bit CPU and will not be able to boot.
Please ensure that you have enabled VT-x/AMD-V properly in the BIOS of your host computer.
พอ continiue
This kernel requires an x86-64 CPU, but only detect i686 cpu
cpu i5-2500k
image เป็น smartcafe 10
ลองปรับใน BIOS ดูครับ
Enable Function VT-x ดู
Intel® Virtualization Technology (VT-x)
-
เมื่อเข้าใจเรื่อง IP Address / Subnet / Gateway / DNS แล้ว ก็ทดสอบกันหน่อย
1. IP ปลอม ไม่สามารถใช้งานติดต่อภายนอกได้ แต่ทำไม IP ปลอม ในร้านเน็ต ถึงสามารถใช้งาน อินเตอร์เน็ตได้
2. เมื่อเข้าใจคำว่า Port แล้ว ดังนั้น Forward Port หมายถึงอะไร
.....
-
วันนี้เริ่มต้นกันด้วย คำสั่ง พื้นฐาน สำหรับ ubuntu
เริ่มต้นกันด้วย คำสั่งที่จำเป็น ง่าย ๆ 2 คำสั่งกันก่อน
คำสั่งแรกคือ
sudo
ใช้สำหรับเปลี่ยนสิทธิเป็น root root ก็เปรียบเหมือน admin บน ubuntu สามารถทำได้ทุกอย่าง เป็นเหมือน superuser
โดยปกติ เมื่อติดตั้ง SmartCafe เสร็จแล้ว แบบ Turbo mode จะมี user smartcafe มาให้
แต่ smartcafe จะเป็น user ธรรมดา จะมีสิทธิ จำกัด จะต้องเปลี่ยนสิทธิเป็น root ก่อน ถึงจะใช้บางคำสั่งได้
เมื่อเรา login เข้าไปยัง server ก็จะปรากฎ บรรทัดรับคำสั่ง ดังนี้
smartcafe@future2:~$
smartcafe หมายถึง user ที่กำลังใช้งานอยู่
future2 หมายถึง ชื่อเครื่องของ Server
~ หมายถึง path ของ home หรือ folder home
$ รอรับคำสั่ง
เราจะใช้คำสั่ง sudo -s แล้วทำการใส่ พาส ของ user smartcafe อีกครั้ง ก็จะได้เป็น
smartcafe@future2:~$ sudo -s <<< ใส่คำัสั่ง
[sudo] password for smartcafe: <<< ใส่พาส
root@future2:~#
ถ้าพาส ถูกต้อง บรรทัดรับคำสั่ง ก็จะเปลี่ยนเป็น
root@future2:~#
แสดงว่า ตอนนี้เราเป็น root แล้ว
โดยเริ่มต้นแล้ว เราจะไม่สามารถ login ด้วย user root ได้ ซึ่งจะแตกต่างจาก clarkconnect หรือ clearos
ubuntu จะใช้วิธี sudo เปลี่ยนเป็น root แทน แต่หลาย ๆ ท่าน ก็อาจจะชินกับการ login root ถ้า้ต้องการจะใช้งาน
user root โดยสามารถ login root ได้เลยนั้น ก็จะต้องรู้จักกับคำสั่งที่ 2 นั่นก็คือ passwd
passwd เป็นคำสั่ง ใช้ตั้ง password ถ้าต้องการใช้งาน root ก็จะต้องตั้ง password สำหรับ user root ก่อน
โดยใช้คำสั่ง
passwd root
root@future2:~# passwd root <<< ใส่คำัสั่ง
Enter new UNIX password: <<< กำหนดพาส
Retype new UNIX password: <<< ใส่พาสอีกครั้ง
passwd: password updated successfully
root@future2:~#
เพียงแค่นี้ ก็สามารถ login ด้วย user root ได้
แต่ถ้าไม่อยากให้ login ด้วย user root ก็ทำการ lock ไว้ ด้วยคำสั่ง
passwd -l root
root@future2:~# passwd -l root
passwd: password expiry information changed.
root@future2:~#
เพียงแค่นี้ ก็จะไม่สามารถ login ด้วย user root ได้ ป้องกันการ hack จากพวกที่สุ่มพาส root เพื่อจะเจาะระบบ
คำถาม
แล้วถ้าต้องการเปลี่ยน password user smartcafe จะทำอย่างไร?
-
ก่อนนอนคืนนี้ สักคำสั่งละกัน
เป็นคำสั่งที่จำเป็นคำสั่งนึง สำหรับ ubuntu เลยทีเดียว
นั่นก็คือ apt-get
คำสั่งที่ใช้บ่อย ๆ เช่น
apt-get update
ใช้สำหรับ update package list ของ Ubuntu หรือหมายถึง อัพเดท list ของโปรแกรมบน ubuntu นั่นเอง
apt-get clean
ใช้สำหรับ ล้าง package list ของ Ubuntu กรณีที่มี error แล้วต้องการอัพเดทใหม่
apt-get install <ชื่อโปรแกรม>
ใช้สำหรับติดตั้งโปรแกรมที่มีอยู่ใน list
apt-get remove <ชื่อโปรแกรม>
ใช้สำหรับถอนโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่
apt-get purge <ชื่อโปรแกรม>
ใช้สำหรับถอนโปรแกรมเหมือนกัน แต่ถอนแบบลบ config ของโปรแกรมออกไปด้วย
สุดท้าย
apt-cache search <ข้อความต้องการค้นหา>
ใช้สำหรับค้นหาโปรแกรมใน list ว่ามีข้อความที่เราต้องการหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น
apt-cache search cctv
ก็จะแสดง list ของโปรแกรมเกี่ยวกับ cctv ออกมา เป็นต้น
-
ตอนที่ผมจะสร้าง VirtureBox ผมเลือก linux ubuntu แต่มันไม่มีแบบ 64 bit ตามรูปข้างบนให้ผมเลือก ผมจะต้องทำอย่างไรครับ มันเป็นที่ CPU ของผมหรือเปล่าครับ
เสปกคอมที่ใช้ VirtureBox
CPU: Pentium dual core E5200@2.5GHz.
M/B: Asus P5B Premium
-
อ่านๆดูแล้วเหมือนจะเข้าใจ หากได้ลงมือทำคงพอจะรู้เรื่อง
-
ตอนที่ผมจะสร้าง VirtureBox ผมเลือก linux ubuntu แต่มันไม่มีแบบ 64 bit ตามรูปข้างบนให้ผมเลือก ผมจะต้องทำอย่างไรครับ มันเป็นที่ CPU ของผมหรือเปล่าครับ
เสปกคอมที่ใช้ VirtureBox
CPU: Pentium dual core E5200@2.5GHz.
M/B: Asus P5B Premium
ต้องเข้า bios ไปเปิดให้พวก 64bit มันทำงานด้วยจ๊ะ ถึงจะลงได้นะ (^^)